ลอกมาจากนิตยสารฉบับหนึ่ง

บ่อยครั้งที่เราๆและท่านๆทั้งหลายมีโอกาสได้เห็นรถเสียบนท้องถนน และจอดเสียบนไหล่ทางหรือจอดชิดฟุตบาท ซึ่งเรียกได้ว่าแทบจะเป็นภาพชินตาในกรุงเทพมหานครแห่งนี้ และถ้าผู้ขับขี่เป็นคุณผู้ชายก็อาจจะช่วยตนเองได้บ้าง แต่ถ้าเป็นคุณผู้หญิงก็คงจะจอดรถเสียแล้วเปิดไฟฉุกเฉิน  รอให้คุณตำรวจจราจรมาช่วยเข็นรถเข้าข้างทาง แล้วก็ยืนโทรศัพท์มือถือติดต่อช่างจากศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถที่ใกล้ที่สุดมาดูอาการของรถของคุณเธอ ซึ่งแน่นอนอาการรถยนต์เสียนั้นมีหลายสาเหตุมาก แต่ก็มีอยู่อาการหนึ่งที่เราอยากจะพูดถึงก็คืออาการ รถฮีตขึ้น หรือ เกจ์ความร้อนขึ้นสูง ชื่ออาการก็คงเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้ว และคงต้องมีสาเหตุมาจากความร้อนของน้ำหล่อเย็นในหม้อน้ำและตามท่อน้ำที่เดินอยู่ภายในรอบเครื่องและภายนอก มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่คำตอบของทั้งหมด
          ขอจำแนกสาเหตุของการที่เกจ์ความร้อนขึ้นสูง  (เกินกว่าปกติพอสังเขปดังนี้)
1. สาเหตุจากตัวเกจ์ความร้อนอาจจะเสียหรือสายไฟหลุดหลวม
2. สาเหตุจากเทอร์โมวัดอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นเสีย(อันนี้มักจะแสดงผลในทางตรงกันข้ามคือไม่ทำงานเลยหรือแสดงผลว่าเครื่องไม่ร้อน
3. สาเหตุสุดท้ายนี้ คือตัวเครื่องยนต์มีความร้อนสูงจริง  ซึ่งเป็นสาเหตุหลักและส่งผลให้เครื่องยนต์เสียหายจนถึงขั้นใช้งานไม่ได้ และสาเหตุที่เครื่องยนต์มีความร้อนสูงนั้นมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น พัดลมระบายความร้อน(ทั้งพัดลมเครื่องและพัดลมแอร์)ไม่ทำงาน, ตัวสวิทช์วัดความร้อนที่จะส่งสัญญาณไปที่พัดลมให้ทำงานเมื่อความร้อนถึงจุดที่กำหนดเสีย(ไม่สามารถส่งสัญญาณไปตามกำหนด), หม้อน้ำรถยนต์ตัน, หม้อน้ำรถยนต์รั่ว, ท่อยางหม้อน้ำเส้นต่างๆมีการรั่วซึมตามจุดต่างๆ, วาล์วน้ำเสียไม่สามารถทำให้น้ำหมุนวนได้ดี, ปั๊มน้ำเสียและรั่ว, ฝาสูบโก่ง (หากรถที่เคยมีอาการฝาสูบโก่งมาก่อนจะทำให้ความร้อนขึ้นได้เหมือนกัน ในกรณีที่มีการขับรถด้วยความเร็วสูง)
              เหล่านี้คือสาเหตุเบื้องต้นของการที่เกจ์ความร้อนขึ้นสูง ซึ่งท่านผู้อ่านควรนำรถของท่านเข้าตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ หรือพบกับช่างที่ท่านเชื่อถือได้ เพราะระดับความร้อนที่เหมาะสมของรถยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน ท่านควรสอบถามจากบริษัทรถยนต์ยี่ห้อที่ท่านใช้งานอยู่ เพื่อท่านจะได้ใช้เป็นเกณฑ์ในการสังเกตว่ารถยนต์ ที่เราขับอยู่มีอุณหภูมิความร้อนของเครื่องยนต์ที่ผิดปกติหรือไม่
              แต่ถ้าให้ดี ท่านผู้ขับขี่ทุกท่านควรนำรถยนต์ของท่านไปเช็คสภาพตามระยะเวลาที่ศูนย์บริการกำหนด  หรือสำหรับท่านที่มีความรู้เรื่องรถยนต์อยู่บ้าง ควรเปิดฝากระโปรงหน้ารถดูน้ำหล่อเย็นในหม้อพักน้ำและในหม้อน้ำ รวมทั้งตรวจสภาพโดยรวมเพื่อป้องกันอาการรถฮีตขึ้นจะดีกว่านะครับ